ชีวิตกับ การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

0

การออกกำลังกาย เป็นยาขนานวิเศษ รักษา ป้องกันโรค ได้สารพัดนึก แต่วิถีชิตแบบนั่งๆ นอนๆ กำลังแย่งเวลาที่เราได้ทำ กิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกายของเราไป

Advertisements

หลายๆ คนยินดีที่จ่ายกับ เมนูอาหารดีๆ ยาบำรุงร่างกายสารพัดชนิด เพียงความเชื่อที่ว่า สิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้ตนเอง มีสุขภาพดี หน้าตาสดใส กินอิ่มนอนหลับฝันดี ชีวิตอยู่ดีมีสุข ฯลฯ มนุษย์เราเองนี่ก็สุดแสนจะฉลาดในการสร้างสรรค์ เครื่องมือ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก มาช่วยผ่อนแรง ทำให้เราออกแรงกันน้อยลงๆ กันทุกวันๆ กับวิถีชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ คนเราส่วนใหญ่ก็เลยใช้เวลาโดยส่วนใหญ่ๆ ไปกับ การนั่งทำงาน นั่งๆ นอนๆ ดูทีวี เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ สังสรรค์กันหลังเลิกงาน ฯลฯ สิ่งเหล่าหนี้กำลังเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายหรือการออกกำลังกาย น้อยลงๆ เข้าไปทุกทีๆ สิ่งเหล่านี้นี่แหละที่กำลังจะเป็น “ภัยร้ายแบบเงียบๆ (Silent Killer)” ที่ค่อยๆ บั่นทอนสุขภาพร่างกายของคนเราไปทุกทีๆ

การที่เราได้มีการ เคลื่อนไหวร่างกาย หรือ ออกกำลังกาย อยู่อย่างเป็นประจำๆ อย่างสม่ำเสมอนั้น มันกลับเป็นการทำให้เรามีสุขภาพดี ชีวิตอยู่ดีมีสุข แถมยังจะเป็นการช่วยทำให้เราอยู่ห่างไกลจากสารพัดโรคเจ็บป่วยเรื้อรังมากมายหลายชนิด อธิเช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่สอง โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน มะเร็งบางชนิด ฯลฯ

นอกจากนี้ หากเรามีการออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอนั้น มันจะเป็นการช่วยให้เรา มีความมั่นใจในตัวเอง อารมณ์ดี นอนหลับง่ายหลับสนิท ลดความเครียด ลดความรู้สึกหดหู่ ลดอาการหัวเสีย ป้องกันโรคความจำเสื่อม ฯลฯ

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย

เราคงต้องพึงระลึกอยู่เสมอๆ ว่า การที่เราจะมีสุขภาพที่ดี ชีวิตอยู่ดีมีสุด ไปจนแก่จนเฒ่านั้น การออกกำลังกายถือว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญๆ กิจกรรมหนึ่งที่เราพึงจะต้องกระทำกันอยู่เป็นประจำๆ เสมอๆ

หากเปรียบเทียบว่า “การออกกำลังกาย คือ ยาวิเศษ มีสรรพคุณสูง สามารถใช้ ป้องกัน และรักษาโรคต่างๆ ได้สารพัดนึก” นั้น การออกกำลังกายนั้นก็ควรเป็นยาชั้นเลิศที่มีราคาถูกที่สุด เหมาะแก่การลงทุนที่สุด

เอาเป็นว่ามาดูกันว่า หากเรามีการออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอนั้น มันจะสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงต่อโรคสำคัญๆ อะไรได้บ้าง

  • ลดความเสี่ยงต่อ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน และโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน ได้ถึง 35%
  • ลดความเสี่ยงต่อ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ถึง 50%
  • ลดความเสี่ยงต่อ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้ถึง 50%
  • ลดความเสี่ยงต่อ โรคมะเร็งเต้านม ได้ถึง 20%
  • ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึง 30%
  • ลดความเสี่ยงต่อ โรคข้อเสื่อม  ได้ถึง 83%
  • ลดความเสียงต่อ โรคกระดูกสะโพกเสื่อม ได้ถึง 68%
  • ลดความเสี่ยงต่อ สภาวะล้มในผู้สูงอายุ ได้ถึง 30%
  • ลดความเสี่ยงต่อ โรคซึมเศร้า ได้ถึง 30%
  • ลดภาวะโรคจิตเสื่อม ได้สูงถึง 30%

อะไรหละที่นับว่าเป็นการออกกำลังกาย

เราจะต้องมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายหนักขนาดไหนล่ะ จึงจะถือว่าเป็นการออกกำลังกาย? บางทีเราอาจจะเข้าใจผิดกันว่า การทำกิจกรรมต่างๆ ที่ร่างกายได้เคลื่อนไหวนั้นเป็นการออกกำลังกายไปเสียทั้งหมด แต่จริงๆ แล้วกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายของเราได้เคลื่อนไหวนั้นมันจะต้องมีความหนักมีความเข้มในระดับที่เรียกว่า มันไปเพิ่มระดับอัตราการเต้นของหัวใจ และถึงขั้นที่ทำให้เหงื่อออกเป็นเม็ดๆ เลยทีเดียวเชียว  แต่ไม่ใช่ว่าจะหนักกันถึงขั้นร่างกายทนไม่ไหวกันไปซะอีกล่ะ เอาเป็นว่าให้สังเกตว่าขณะที่เรากำลังออกกำลังกายนั้น เราสามารถพูดได้ตามปกติแต่จะเริ่มร้องเพลงสะดุดอยู่บ้าง หัวใจมีอัตราการเต้นเร็วขึ้น มีเหงื่อออก นี่ก็จะถือว่าหนักเพียงพอต่อการออกกำลังกายกายแล้วหละ เอาเป็นว่าเราลองๆ มาดูกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายที่หนักพอๆ ที่จะนับว่าเป็นการออกกำลังกายกันดีกว่า

  • เดินเร็ว
  • วิ่งจ็อกกิ้ง
  • การขี่จักรยาน ไม่ว่าจะเป็นจักรยานทางเรียบ หรือเสือภูเขาก็ตาม
  • เล่นเทนนิส
  • การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้า
  • ฯลฯ

สำหรับงานที่ประจำๆ อย่าง การเดินชอปปิ้ง ทำอาหาร งานบ้าน ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้จะไม่ถูกนับว่าเป็นกิจกรรมการออกกำลังเนื่องจากมีความหนักมีความเข้มไม่เพียงพอต่อการกระตุ้น การเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และการทำให้เหงื่อออก

ชีวิตสมัยใหม่กับการออกำลังกาย

โลกสมัยกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เราสรรสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของเรากันมากขึ้นทุกๆ วัน เราขับรถไปทำงานกัน ใช้บริการรถสาธารณะ ซักผ้าด้วยเครื่อง เอ็นเตอร์เทรนกับสิ่งต่าง ไม่ว่าจะนั่งอยู่หน้าจอทีวี สารวนกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ กันทั้งวันทั้งคืน สิ่งเหล่านี้กำลังเป็นตัวบั่นทอนลดกิจการเคลื่อนไหวของร่างกายหรือการออกกำลังกายของเราไป บางคนอาจะพูดว่า ก็ออกไปตีกอล์ฟ เดินห้างชอปปิ้ง ทำงานบ้าน หรืออย่างอื่นๆ จิปาถะ แต่ต้องไม่ลืมกันว่ากิจกรรมเหล่านี้มันทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ไม่หนักหรือไม่เข้มเพียงพอกับคำว่าการออกกำลังกายดังที่กล่าวมาข้างต้น

นี่เรากำลังออกกำลังกายกันน้อยลงๆ กันใช่ไหม? เรากำลังเผาผลาญพลังจากอาหารที่เราทานกันเข้าไปกันน้อยลงๆ เมื่อเทียบกับคนในอดีตกันใช่ไหม? มีผลงานวิจัยหลายๆ งานวิจัยมักพูดกันว่า คนเราในวัยผู้ใหญ่ส่วนมากนี่ใช้เวลากันไปกว่า 7 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียวสำหรับการนั่งนี่ ไม่ว่าจะกับ การนั่งทำงาน การเดินทาง และการนั่งพักผ่อน และยิ่งวันสูงอายุที่อายุเกิน 65 ปีนี่ อาจจะใช้เวลามากถึง 10 ชั่วโมงต่อวันหมดไปกับการนั่งๆ นอนๆ เลยทีเดียวเชื่อไหม?

วิถีชีวิตแบบ นั่งๆ นอนๆ

เชื่องไหมว่า การที่เรากำลังหันไปใช้ “วิถีชีวิตแบบ นั่งๆ นอนๆ” ขาดการออกกำลังกายนี่ มันคือภัยร้ายเงียบๆ (Silent Killer) ตัวหนึ่งทำกำลัง บั่นทอนสุขภาพ หรือแอบฆ่าเราอยู่อย่างเงียบๆ อยู่ทุกวี่ทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย การใช้เวลาไปกับการนั่งๆ นอนๆ เช่น นั่งอยู่หน้าจอทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ นอนอ่านหนังสือ ฯลฯ ทั้งวี่ทั้งวันมันอาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังหลายๆ อย่างเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคเบาหวาน หรือแม้แต่โรคยอดฮิตอย่างโรคอ้วน

เราพอจะได้เห็นว่าการใช้ชีวิต แบบนั่งๆ นอนๆ อันเป็นผลมาจากปัญญาอันเลอเลิศของมนุษย์เราเองในการที่จะสร้างสรรค์สิ่งอำนวยความสะดวกออกมาอย่างมากมาย มาช่วยแบ่งเบาภาระความเหนื่อยหนักของเรา  วิถีชีวิตเราสะดวกสบายกันมากขึ้นๆ มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวหรือการออกำลังกายกันน้อยลงๆ กันทุกๆ วัน แต่เราก็คงไม่ลืมว่าเรากำลังต้อนรับเอาภัยร้ายเงียบๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเราเหมือนกัน ใช่ไหม?

ย้อนกับไปดูวิถีชีวิตของคนเรา “จากรุ่นสู่รุ่น” เราคงจะต้องยอมรับกันละว่า คนเราในอดีตนี่วิถีชีวิตจะผนวกกับกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายกันแทบทุกกิจกรรม แต่ยิ่งนับวันสิ่งอำนวยความสะดวกกลับทำให้คนเรามีการเคลื่อนไหวกันน้อยลงๆ กันมากขึ้นทุกๆ วัน

การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ ที่มีความหนักความความเข้มข้นในระดับที่ไปกระตุ้นให้อัตราการเต้นหัวใจให้เร็วขึ้น มีเหงื่อออกมาตามร่างกายนี่ ถือว่าเป็น “ยาขนานวิเศษ ป้องกัน รักษา โรคต่างๆ ได้สารพัดนึก ที่ราคาค่อนข้างจะแสนถูก” ที่เราไม่สามารถจะมองข้าม หันมาลดการใช้วิถีชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ดูแต่ทีวี จ้องแต่จอคอม ชอปปิ้งไปวันๆ เย็นมาก็หาแต่วงนั่งสังสรรค์เฮฮา ซึ่งมีแต่จะบั่นทอนสุขภาพไปวันๆ กันก็เท่านั้นเองใช่ไหม ? เราลองๆ หันมาจัดสรรเวลา ให้เวลาไปกับ “การออกลังกาย” กันให้เป็นประจำๆ กันเถอะ ไม่ใช่เพื่อใครหรอก ก็เพื่อตัวเรา นั่งเอง เนาะ

ข้างทุ่ง

Advertisements
Share.

Leave A Reply